ศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติสหราชอาณาจักรเตือนรัฐ หยุดใช้ Antivirus จากรัสเซีย
หลังจากสหรัฐฯ สั่งแบน Kaspersky Lab จากรัสเซีย ครั้งนี้ถึงคราวสหราชอาณาจักร
ศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ (NCSC) หนึ่งในสำนักงานย่อยของหน่วยข่าวกรอง (GCHQ) ของสหราชอาณาจักร ส่งจดหมายแจ้งเตือนไปยังกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ แนะนำให้หยุดใช้งานซอฟต์แวร์ Antivirus จากรัสเซียบนคอมพิวเตอร์ที่มีการเก็บข้อมูลลับของรัฐบาล
Ciaran Martin ผู้ซึ่งเป็น CEO ของ NCSC ลงนามในจดหมายแจ้งเตือนฉบับนี้ด้วยตนเอง โดยเนื้อหาในจดหมายมีการกล่าวถึงประเด็นความเสี่ยงของ Supply Chain ในผลิตภัณฑ์บนระบบ Cloud รวมไปถึงการใช้ซอฟต์แวร์ Antivirus พร้อมระบุว่ามีหน่วยงานรัฐบางแห่งที่ยอมรับการใช้ซอฟต์แวร์จากบริษัทที่อยู่ในรายชื่อบัญชีต้องห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงคำพูดของนายกรัฐมนตรีซึ่งกล่าวว่า รัสเซียกำลังดำเนินการที่ส่งผลต่อความมั่นคงของสหราชอาณาจักรในโลกไซเบอร์อีกด้วย ดังนั้น หน่วยงานรัฐจึงควรพิจารณาถึงการนำผลิตภัณฑ์จากรัสเซียมาใช้งานเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซอฟต์แวร์ Antivirus เนื่องจากซอฟต์แวร์เหล่านี้มีการติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์หลายเครื่องพร้อมสิทธิ์ในการเข้าถึงระบบที่สูง
อย่างไรก็ตาม จดหมายฉบับนี้ไม่ได้ระบุให้หน่วยงานรัฐสั่งแบนซอฟต์แวร์จากรัสเซียแต่อย่างใด เพียงแค่ให้คำแนะนำว่า บางระบบที่มีความสำคัญหรือเป็นความลับ ไม่ควรนำซอฟต์แวร์จากประเทศดังกล่าวมาใช้งานเนื่องจากประเด็นด้านความมั่นคงของชาติ
To that end, we advise that where it is assessed that access to the information by the Russian state would be a risk to national security, a Russia-based AV company should not be chosen. In practical terms, this means that for systems processing information classified SECRET and above, a Russia-based provider should never be used. This will also apply to some Official tier systems as well, for a small number of departments which deal extensively with national security and related matters of foreign policy, international negotiations, defence and other sensitive information. |
ทั้งนี้ Eugene Kaspersky ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ขณะที่ทาง Kaspersky Lab กำลังพูดคคุยกับ NCSC ถึงประเด็นดังกล่าว และยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์จาก Kaspersky Lab ไม่ได้ถูกสหราชอาณาจักรแบนแต่อย่างใด ขณะนี้ทางบริษัทกำลังหาทางออกที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายอยู่ นอกจากนี้ Kaspersky Lab ยังได้เริ่มโครงการตรวจสอบความโปร่งใส เพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลเข้ามารีวิวและตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ของตนมีอันตรายหรือแฝง Backdoor ตามที่หลายๆ คนกล่าวอ้างหรือไม่อีกด้วย
Comments
Post a Comment